ฟุตบอลโลก (FIFA World Cup) มีประวัติและที่มาอย่างไร
ฟุตบอลโลก (World Cup) หรือ FIFA World Cup มหกรรมกีฬาที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุดในโลก ถือเป็นการแข่งขันกีฬาของมวลมนุษยชาติที่ยิ่งใหญ่พอ ๆ กับกีฬาโอลิมปิก (Olympic Games) หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ หากว่ากันด้วยกระแสความนิยม ในโอกาสที่ฟุตบอลโลก 2022 ณ ประเทศกาตาร์ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เรามาย้อนดูประวัติของการแข่งขันฟุตบอลโลกว่าเริ่มต้นอย่างไร และมีข้อมูลน่ารู้หรือสถิติที่น่าสนใจใดบ้าง
การแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1872 ที่เมืองกลาสโกว์ สก็อตแลนด์ เป็นการพบกันระหว่างทีมฟุตบอลของอังกฤษและสก็อตแลนด์ ภายหลังได้พัฒนาไปสู่การแข่งขันฟุตบอลชิงชนะเลิศในชื่อ British Home Championship ระหว่างดินแดนในสหราชอาณาจักรซึ่งประกอบด้วย อังกฤษ สก็อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ในฤดูกาล 1883-1884
การแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อกีฬาฟุตบอลถูกเพิ่มในรายการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1900 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เดิมทีกำหนดให้นักกีฬามาจากนักฟุตบอลสมัครเล่น ไม่ใช่นักฟุตบอลอาชีพ ก่อนจะเปลี่ยนมาอนุญาตให้นักฟุตบอลอาชีพร่วมการแข่งขันได้ในปี 1992 ทั้งนี้ มีข้อบังคับว่านักฟุตบอลต้องอายุไม่เกิน 23 ปี โดยมีผู้เล่นที่อายุเกินในทีมได้มากสุด 3 คนเท่านั้น
ปี 1904 มีการก่อตั้ง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (Federation International Football Association, FIFA) ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ด้วยแนวคิดและความตั้งใจให้มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกนอกเหนือจากรายการที่แข่งขันกันในโอลิมปิกซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในปี 1906 ที่สวิตเซอร์แลนด์ กลุ่มคนเหล่านี้เห็นว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากคนทั้งโลก แต่ข้อจำกัดและระเบียบของฟุตบอลในแข่งขันกันในโอลิมปิกทำให้เป็นเพียงการแข่งขันของนักกีฬาในระดับมือสมัครเล่นเสียเป็นหลักอยู่
สำนักงานของฟีฟ่า (FIFA) ซึ่งขณะนั้นมีประธานคนแรกเป็นชาวฝรั่งเศสชื่อ รอแบร์ เกอแร็ง (Robert Guerin) มีความพยายามผลักดันให้เกิดการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกให้ได้ แต่ด้วยประสบการณ์และปัจจัยส่งเสริมที่ไม่มากพอทำให้การดำเนินการในระยะแรกของฟีฟ่ายังไม่บรรลุผล
ระหว่างนั้น ปี 1909 เซอร์โทมัส ลิปตัน (Thomas Lipton) ได้จัดให้มีการแข่งขันเพื่อชิงถ้วยรางวัลของเขาที่เมืองตูรินซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างสโมสรฟุตบอลจากหลาย ๆ ประเทศ แม้ไม่ใช่ระดับทีมชาติแต่บางทีมถือเป็นตัวแทนของประเทศตนเอง เรียกได้ว่าทัวร์นาเมนต์นี้เป็นหนึ่งในพัฒนาการของการเกิดฟุตบอลโลกก็ไม่ผิดนัก มีทีมฟุตบอลระดับอาชีพจากอิตาลี เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ มาเข้าร่วม
การแข่งขันชิงถ้วยรางวัลของเซอร์โทมัส ลิปตันแม้จะถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษปฏิเสธการเข้าร่วม แต่มีสโมสรเวสต์ อ็อกแลนด์ ทาวน์ (West Auckland Town) เป็นตัวแทนจากฝั่งอังกฤษมาแทน ซึ่งปรากฏว่า เวสต์ อ็อกแลนด์ฯ จะคว้าแชมป์รายการนี้ได้แล้ว พวกเขายังรักษาแชมป์ในปี 1911 ได้ด้วย
ปี 1914 ฟีฟ่าได้รับสิทธิ์เข้าไปดูแลและรับผิดชอบการจัดการแข่งขันฟุตบอลในกีฬาโอลิมปิก ต่อมาในการแข่งขันโอลิมปิดฤดูร้อนปี 1920 มีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทวีปขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่ออียิปต์เข้าร่วมการแข่งขันกับทีมจากยุโรปอีก 13 ประเทศ ขณะที่ปี 1924 และ 1928 ทีมชาติอุรุกวัย จากอเมริกาใต้ ได้เข้าร่วมการแข่งขัันด้วยและเป็นผู้ชนะเลิศทั้ง 2 ครั้ง การได้บริหารจัดการทัวร์นาเมนต์เหล่านี้ของฟีฟ่า ทำให้พวกเขาสั่งสมประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพเพิ่มขึ้นตามลำดับ
28 พฤษภาคม 1928 ที่ประชุมฟีฟ่าที่อัมสเตอร์ดัมภายใต้การนำของ จูล ริเมท์ (Jules Rimet) มีมติว่า พวกเขาจะจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติด้วยตนเอง โดยมีอุรุกวัย ผู้ชนะเลิศฟุตบอลโอลิมปิก 2 สมัยล่าสุดเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งแรกที่จะจัดขึ้นในปี 1930 โดยเป็นปีครบรอบหนึ่งศตวรรษแห่งเอกราชของอรุกวัยด้วย
ชาติที่เข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรกมาจากการคัดเลือกและเชิญให้มาร่วมการแข่งขันโดยฟีฟ่า ไม่ได้มีระบบทัวร์นาเมนต์ย่อยเพื่อคัดเลือกทีมที่เข้ารอบมาเจอกันในรอบสุดท้ายแบบฟุตบอลสมัยปัจจุบัน แต่เนื่องจากอุรุกวัยเป็นประเทศที่อยู่ห่างไกลจากชาติยุโรปมาก ต้องเดินทางข้ามหาสมุทรแอตแลนติกไปยังทวีปอเมริกาใต้ (ขณะนั้นเดินทางด้วยเรือ) ทำให้ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่เลือกที่จะเมินเฉยต่อคำเชิญจากทางฟีฟ่า มีเพียงฝรั่งเศส เบลเยียม โรมาเนีย และยูโกสลาเวียเท่านั้นที่รับคำเชิญในช่วง 2 เดือนสุดท้ายก่อนการแข่งขัน
ฟุตบอลโลกครั้งแรกจึงประกอบด้วย 13 ทีม จาก 7 ชาติอเมริกาใต้ 4 ชาติยุโรป และ 2 ชาติอเมริกาเหนือ การแข่งขัน 2 นัดแรกเกิดขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคม ปี 1930 เป็นทีมชาติฝรั่งเศสที่เอาชนะทีมชาติเม็กซิโก 4-1 และทีมชาติสหรัฐอเมริกาเอาชนะทีมชาติเบลเยียม 3-0 ผลคือทีมชาติอุรุกวัยที่เล่นในระดับสูงต่อเนื่องกันมาหลายปีกลายเป็น “แชมป์โลก” ชาติแรกในการแข่งขันฟุตบอลโลก
ฟุตบอลโลก 3 ครั้งแรกนั้นมีการแข่งขันในทุก ๆ 4 ปี คือปี 1930, 1934 และ 1938 ก่อนจะเว้นว่างไป 12 ปี ระหว่างปี 1938-1950 (ฟุตบอลโลก 1942 และ 1946) เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2
ทั้งนี้ ถ้วยรางวัลระหว่างปี 1930-1970 เรียกว่า Jules Rimet Trophy ตามชื่อประธานฟีฟ่าชาวฝรั่งเศสผู้ริเริ่มการแข่งขัน ถ้วยรางวัลนี้ถูกส่งมอบให้บราซิลในปี 1970 เพราะพวกเขาเป็นชาติแรกที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ถึง 3 สมัย คือ ปี 1958, 1962 และ 1970 จากนั้นฟีฟ่าได้ใช้ถ้วยรางวัลแบบใหม่ เรียกว่า FIFA World Cup สำหรับมอบให้แก่ผู้ชนะในการแข่งขัน และใช้แบบนี้มาจนถึงปัจจุบัน
รูปแบบการแข่งขันฟุตบอลโลกของฟีฟ่ายังเป็นต้นแบบของกีฬาประเภทอื่น ๆ ที่เริ่มจัดการแข่งขันในลักษณะ “World Cup” คือ มีทีมชาติจากทั่วโลกมาแข่งขันกีฬาประเภทเดียวเพื่อหาแชมป์โลกนั่นเอง
ระหว่างปี 1934 ถึง 1978 ฟุตบอลโลกจัดแข่งกันโดยมี 16 ทีม ก่อนขยายเป็น 24 ทีมในปี 1982 และเป็น 32 ทีมในปี 1998 เพื่อเพิ่มโอกาสให้ทีมจากทวีปแอฟริกา เอเชีย และอเมริกาเหนือได้เข้ารอบมากขึ้น จึงมีหลายครั้งที่ทีมชาติเหล่านี้สอดแทรกเข้ามาในรอบลึก ๆ ด้วย อย่างไรก็ตามชาติยุโรปและอเมริกาใต้ยังคงเป็นมหาอำนาจในการแข่งขันนี้เสมอ
ความนิยมในกีฬาฟุตบอลทำให้การแข่งขันฟุตบอลโลกทุก ๆ ครั้งได้รับเสียงตอบรับและเป็นกระแสระดับโลกเสมอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ส่วนสำคัญมาจากความคิดริเริ่มของฟีฟ่าที่ปรับหลักเกณฑ์การแข่งขันให้ต่างจากฟุตบอลโอลิมปิกแบบเดิม คือ ไม่จำกัดอายุนักฟุตบอล การแข่งขันฟุตบอลโลกจึงเป็นรายการที่มีแฟนบอลมีโอกาสได้เห็นนักเตะฝีเท้าระดับสูงและมีสตาร์ดังอันดับต้น ๆ ของโลกมาร่วมประชันฝีเท้ากัน ขณะที่รายการโอลิมปิกมักจะเป็นผู้เล่นดาวรุ่งอายุน้อยซึ่งส่วนหนึ่งยังไม่มีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักนัก
ทั้งนี้ บราซิลเป็นเพียงชาติเดียวที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครบทั้ง 21 ครั้ง ถือเป็นประจักษ์พยานที่บ่งบอกถึงความคลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลของชาวบราซิล (รวมถึงชาวลาตินอเมริกาชาติอื่น ๆ ) ได้เป็นอย่างดี
ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก คัดเหลือ 32 ทีมเพื่อมาแข่งขันในฟุตบอลโลกวันที่ 20 พฤศจิกายน ถึง 18 ธันวาคม 2022 โดยประเทศกาตาร์ซึ่งเป็นเจ้าภาพ ได้สิทธิ์เข้ารอบแข่งขันอัตโนมัติ ส่วนประเทศอื่นๆ ที่ผ่านฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2022 ได้แก่
- เยอรมนี
- เดนมาร์ก
- บราซิล
- เบลเยียม
- ฝรั่งเศส
- โครเอเชีย
- สเปน
- เซอร์เบีย
- อังกฤษ
- สวิตเซอร์แลนด์
- เนเธอร์แลนด์
- อาร์เจนตินา
- อิหร่าน
- เกาหลีใต้
- ญี่ปุ่น
- ซาอุดีอาระเบีย
- เอกวาดอร์
- อุรุกวัย
- แคนาดา
- กานา
- เซเนกัล
- โปรตุเกส
- โปแลนด์
- ตูนิเซีย
- โมร็อกโก
- แคเมอรูน
- สหรัฐอเมริกา
- เม็กซิโก
- เวลล์
- ออสเตรเลีย
- คอสตาริกา